คำนำ

คู่มือการซ่อมเครื่องเล่มนี้ รวบรวมรายการทั่วไป และวิธีการเกี่ยวกับการซ่อมแซม ยกเครื่องและแก้เครื่องฮอนด้า 125 และฮอนด้า 150 แบบ C92, CS92, CB92, C95, CA95 ดังนั้นข้อความในหนังสือคู่มือเล่มนี้ก็จะมีประโยชน์ในการแนะนำพนักงานงานบริการ และช่างเครื่องฮอนด้า ให้ทำการบริการและซ่อมเครื่องดังกล่าวแล้วได้ดีขึ้น หนังสือเล่มนี้แบ่งออกเป็น 9 บท กล่าวรวมถึง เครื่องยนต์, โครงรถ, เครื่องไฟฟ้าและการซ่อมแซม ทั้งยังมีช่องว่างสำหรับจดรายการกันลือ จัดไว้ให้ที่ตอนท้ายของทุกเรื่อง เพื่อจะได้ใช้จดรายการสำคัญเกี่ยวด้วยเรื่องบริการ เราหวังว่าคงจะเป็นประโยชน์แก่ท่านบ้างเป็นแน่ เครื่องมือพิเศษ ซึ่งกล่าวไว้ในหนังสือคู่มือนี้ แสดงไว้ที่รายการเครื่องอะไหล่ ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการสั่งเครื่องนั้น ๆ รายการนั้นพิมพ์ไว้ท้ายหนังสือเล่มนี้ด้วยแล้ว
รายการนั้นพิมพ์ไว้ท้ายหนังสือเล่มนี้ด้วยแล้ว
หนังสือคู่มือเล่มนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลง แก้ไขได้โดยไม่ต้องชีแจง
มกราคม
31, 1963

บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้ามอเตอร์ จำกัด
197/1 ถนนสีลม พระนคร

ขอบคุณ bankC95 สำหรับการอนุเคราะห์ข้อมูลในครั้งนี้ด้วยครับ

วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ตัวถัง


โครงและตะเกียบของรถทุกรุ่น ทำด้วยเหล็กกล้าอัดเป็นสองซีกแล้วจึงเชื่อมเป็นชิ้นเดียวกันแฮนเดิ้ลทำด้วยเหล็กกล้าอัดให้เป็นรูปสำหรับเครื่องธรรมดา และท่อเหล็กกล้าสำหรับเครื่องซีบี92 และซีเอ 95 จักรยานยนต์แบบธรรมดานั้น มีไฟเลี้ยว ปิดเปิดด้วยสวิทซ์จากแฮนเดิ้ล แต่เครื่องแบบซีบี 92 และซีเอ 95 ไม่มี
ระบบการรองรับตอนหน้าเป็นแบบตะเกียบยื่นไปข้างหน้า และตอนหลังเป็นแบบก้านแกว่ง (swinging arm) มีแกนรองรับ ระบบกันกระเทือนทั้งที่ใช้สำหรับตอนหน้าและตอนหลังมีขดลวดสปริงอยู่ภายใจและโชคอับแบบใช้ไฮดรอลิกส์ ปลอกแกนหมุ่นทุกตัวเป็นยาง นอกจากแกนหมุนของก้านข้อต่อหน้าซึ่งใช้เป็นปลอกโลหะ ยางทั้งล้อหน้าและล้อหลังมีขนาด 3.00 x 16 ล้อหลังนั้นขับเคลื่อนด้วยโซ่ โดยผ่านยางกันกระแทก (rubber dampers) บังโซ่กันโซ่ตอนหลังจากฝุ่นละออก
แฮนเดิ้นและเครื่องบังคับต่าง ๆ
แฮนเดิ้นทำด้วยเหล็กกล้าอัดเป็นรูป สำหรับเครื่องธรรมดานั้นยึดไว้ด้วยสลักเกลียวสองปลายโดยมียางก้นรองรับ ฝ่ายเครื่องแบบซีบี
92 และซีเอ 95 ก็มีแฮนเดิ้ลทำด้วยท่อเหล็กติดเข้ากับตะเกียบคู่หน้า โดยมีที่ยึดท่อเหล็กแฮนเดิ้นนั้น คลัทช์และสายห้ามล้อหน้า บนเครื่องแบบซีบี 92 และซีเอ 95 นั้นมีหัวอัดจารบีและที่ตั้งช่วงระยะฟรี





1.การถอดแฮนเดิ้ล
-ถอดสายคันเร่ง สายคลัทซ์และสายห้ามล้อหน้า ที่ตรงข้อต่อกับที่บีบบังคับทั้งสองข้าง และที่ปิดคันเร่ง วิธีการถอดฐานโลหะของปุ่มสตาร์ทออกแล้วจึงถอดที่จับออกจากแฮนเดิ้ล
-ถอดไฟหน้าและที่หลังโคมไฟ ตัดสายไฟต่าง ๆ ซึ่งทำหน้าที่ต่อไปยังสวิทซ์สำหรับควบคุมต่าง ๆ ที่ปลายของแฮนเดิ้ล
-ถอดน๊อตจากสลักเกลียว สำหรับยึดที่ใต้แฮนเดิ้ล (ซี92 แบบธรรมดา)
-ถอดตัวกันแฮนเดิ้ลสั่น (demper) และที่ยึดท่อแฮนเดิ้ล โดยถอดสลักเกลียว ขนาด6 ม.ม. 2 ตัว และ 8ม.ม. 2 ตัว ออก (ซีบี 92 และซีเอ 95)


2.การประกอบแฮนเดิ้ล
-ใส่ยางกันแฮนเดิ้ล
สั่นเข้ากับสลักเกลียวซึ่งเชื่อมติดอยู่ใต้แฮนเดิ้ล และใส่แฮนเดิ้ลเข้ากับที่รับบนตะเกียบคู่หน้า (ซี
92 แบบธรรมดา)
-ติดที่ยึดแฮนเดิ้ลครึ่งล่างเข้าที่แล้วขันสกรูให้แน่น ต่อไปให้ใส่แฮนเดิ้ลแล้วจึงใส่ที่ยึดแฮนเดิ้ลครึ่งบนให้เข้าที่แล้วขันสลักเกลียวยึดแฮนเดิ้ลให้อยู่ในลักษณะที่เหมาะที่สุด
-ต่อสายคันเร่ง สายคลัทซ์ สายห้ามล้อหน้าและที่บีบบังคับ ต่อสายไฟที่ในไฟหน้า โดยให้สีของสายตรงกัน ตรวจและตั้งสายสำหรับคันบังคับต่าง ๆไม่ให้หลวม เป็นการเสร็จการประกอบ
-ควรเอาใจใส่เป็นพิเศษเมื่อสอดสายคันบังคับ และสายไฟต่าง ๆ ไปตามช่องในแฮนเดิ้ลเพื่อไม่ให้ปลอกหุ้มสายคันบังคับและสายไฟเสียไป
-หยอดน้ำมันสายคันบังคับต่าง ๆ เป็นครั้งคราวอย่างสม่ำเสมอ ใช้ที่หยอดน้ำมันสำหรับสายคับบังคับ ถ้ามี
ตะเกียบหน้า
ที่ปลายล่างของแกนหมุนล้อ นั้นเชื่อมเข้ากับตะเกียบคู่หน้าซึ่งทำด้วยเหล็กกล้าอัดให้เป็นรูป แกนหมุนล้อนั้นหมุนรอบแกนกลาง ซึ่งเป็นเส้นต่อระหว่างตลับลูกปืนซึ่งติดอยู่ตอนบนและตอนล่างของหัวตะเกียบ
(frame head) หัวของแกน
มุมหันล้อได้กว้างสุดนั้นบังคับไว้ด้วยที่กันซึ่งอยู่ที่ฐานของแกนหมุนล้อ มุมเอนของแกนหมุนล้อนั้นก็บังคับไว้ด้วยมุมของปลอกแกนที่เชื่อมเข้ากับตะเกียบหน้า ตะเกียบหน้าของเครื่องแบบธรรมดาและเครื่องแบบซีบี92 หรือซีเอ95 นั้น ใช้เปลี่ยนแทนกันไม่ได้ และแผ่นยึดข้างบน (top bridge plate) ก็ไม่เหมือนกัน
เครื่องแบบซีบี 92 และซีเอ 95 มีที่กันแฮนเดิ้ลสั่นไว้ให้ด้วยเพื่อใช้ตั้งแฮนเดิ้ลให้แน่นมากน้อยได้ตามสภาพของท้องถนน


ที่บนตะเกียบหน้ายังมีที่ใส่ไฟหน้า บังโคลนหน้า(front fender) และที่ล็อกแฮนเดิ้นติดอยู่ด้วย (รูป2.7,2.8)


การถอดตะเกียบหน้า
1.ถอดล้อหน้า ใส่ที่รองรับว่างข้อเหวี่ยงไว้
2.ถอดที่กันแฮนเดิ้ลสั่น สำหรับเครื่องแบบซีบี 92 และซีเอ 95 (รูป2.9) ถอดแฮนเดิ้ล ที่รองรับ และบังโคลน
3.ตอกแผ่นพับ (folding wasbers) สำหรับล้อคน๊อต ซึ่งอยู่ที่แฝ่นยึดบนตะเกียบให้ราบลง โดยใช้ไขควงและค้อน แล้วจึงขันสลักเกลียว 2 ตัว ซึ่งใช้ยึดตะเกียบหน้า พร้อมทั้งน๊อตตัวใหญ่ซึ่งใช้ยึดแกนหมุนล้อออก จากนั้นก็ถอดแผ่นยึดบนตะเกียบหน้าออก (รูป2.10 สำหรับเครื่องธรรมดา) (รูป 2.11 สำหรับเครื่องปบบซีบี92 และซีเอ 95)


4.ถอดสวิทซ์รวม (Combination switch) จากที่ใส่ไฟหน้า
5.ใช้มือหนึงจับส่วนประกอบตะเกียบหน้าไว้ แล้วคลายสลักเกลียวหัวแกนหมุนล้อ โดยใช้เครื่องมือพิเศษเป็นรูปโค้ง มีปุ่มที่ปลายแล้วถอดตลับลูกปืนรองรับแกนตัวบน หลังจากนั้นก็ถอดส่วนประกอบตะเกียบคู่หน้าออกจากใต้ปลอกแกน (head pipe) (รูป2.12)
6.ถอดที่ใส่ไฟหน้าและบังโคลนออกจากตะเกียบ
การซ่อมแซมและประกอบตะเกียบหน้า
1.เปลี่ยนลูกปืนที่เสียหรือหลวม
2.เปลี่ยนปลอกขอบตลับลูกปืนที่เสียหรือเป็นรอยสึก
3.เปลี่ยนตะเกียบหน้าหรือแกนหมุนล้อที่บิดเบี้ยวหรืองอมาก ถ้ามีเครื่องจับสำหรับตรวจหรือวัดความเที่ยงตรง จะทำให้ตรวจวัดทำได้ง่าย แต่อาจใช้วิธีตรวจอย่างหยาบโดย ใช้เครื่องวัดความสูง (Height gange) และแท่นผิวราบ (Flat surface bed) ก็ได้
4.อัดจาระบีเข้าในตลับลูกปืนทั้งตัวบนและตัวล่างให้เต็ม โดยใช้จาระบีมีความเหนียวขนาดกลาง (medium toughness fibre grease) ประกอบลูกปืนเข้าตลับ ทาจาระบีเพื่อให้ใส่ง่าย
5.ประกอบตะเกียบหน้าเข้าที่หลังจากที่ตรวจดูแน่ว่าใส่แหวนกันฝุ่น ผนึกกันฝุ่นและขอบตลับลูกปืนตัวล่างเข้ากันแกนหมุนล้อเรียบร้อยแล้ว ใส่ตลับลูกปืนบนเข้ากับลูกปืน แล้วขันให้แน่นด้วยฝาครอบเกลียวบน
6.ขันฝาครอบเกลียนบนจนกระทั่งแกนหมุนล้อไม่รู้สึกหลวม เมื่อขยับตะเกียบหน้าไปมาและขึ้น ๆ ลง ๆ
7.ใส่แผ่นยึดบนตะเกียบแล้วขันให้แน่นด้วยสลักเกลียว แล้วจึงขันน๊อตยึดแกนหมุนล้อ แล้วพับแผ่นล้อกขึ้น ตรวจดูการหมุนเลี้ยวของล้อด้วยการจัดตะเกียบ หันไปมาทางซ้ายและขวา การหมุนควรจะหมุนได้คล่องเมื่อแตะเพียงเบา ๆ เท่านั้น ตั้งความแน่นเสียใหม่ถ้าจำเป็น (รูป 2.13)


8.ประกอบส่วนอื่น ๆ ให้ครบ เช่นที่ใส่ไฟหน้าและบังโคลน
โช๊คอัพหน้า
สปริงหน้ามีเครื่องกันกระเทือนประกอบด้วยน้ำมัน
(oil damper) ติดอยู่ในตะเกียบคู่หน้า (รูป 2.14) สปริง และเครื่องกันกระเทือนนั้นมีส่วนประกอบตามที่แสดงไว้ใน (รูป2.15)
การถอดโช้คอัพหน้า
1.ถอดสลักเกลียวตัวบน และสลักเกลียวของแกนของก้านรองรับหน้า (front arm) จากนั้นก็ถอดสปริง (ที่รับการกระเทือน) พร้อมด้วยก้านรองรับหน้าออกได้ ถอดสลักเกลียวตัวล่าง
2.ยกที่ปิดกันที่ปลายแกนเครื่องกันกระเทือน คลายสกรูที่ยึดแผ่นโลหะปิดที่ปลายแกนเครื่องกันกระเทือนด้วยไขควง แล้วจึงถอดน๊อตสำหรับล็อกจากแกนเครื่องกันกระเทือน แล้วถอดขดลวดสปริงพร้อมด้วยกระบอกสปริงออก
3.ตอนในของลูกสูบเครื่องกันกระเทือนนั้นไม่ควรถอดออก ถ้าพบว่ามีรายน้ำมันรั่วหรือตำหนิอื่น ๆ ให้เปลี่ยนเสียด้วยโช้คอับใหม่ทั้งชุด


การตรวจและประกอบโช้คอับหน้า
1.วัดเส้นผ่าศูนย์กลางภายในของรูแกนรอบรับหน้า และเส้นผ่าศูนย์กลางภายนอกของปลอกแกน ถ้าหลวมมากก็ให้เปลี่ยนส่วนนั้น ๆ เสีย
2.วัดความยาวปกติของขดลวดสปริง ตลาดจนความแข็งและความตั้งฉาก เปลี่ยนสปริงเสีย ถ้าค่าที่วัดได้ไม่ตรองกับที่กำหนดไว้ในรายการง


3.ตรวจดูปลอกยางรองรับ ยางกันกระแทก เพื่อด้วยความเสียหายหรือการเสียรูปไปเปลี่ยนส่วนที่เสียด้วยของใหม่
4.การประกอบโช๊คอับคืนนั้นให้ดึงแกนเครื่องกันกระเทือนให้ออกมาให้ยาวที่สุดแล้วจึงใส่สปริงและกระบอกสปริงลงบนแกน กดสปริงลงให้ใส่น้อตที่ปลายแกนเครื่องกันกระแทก แล้วขันน๊อตล้อคให้สุด โดยยึดแกนไว้ด้วยไขควง ใส่แผ่นโลหะรองกันแน่นไว้ แล้วใส่ที่ปิดกันก้นแกนเข้ากันแผ่นโลหะรองก้น
ระบบการรองรับล้อหลัง (Rear suspension) และโช้คอับหลัง
ปลายด้านหน้าของตะเกียบหลังนั้นต่อกับตัวถังด้วยแกนสลักเกลียว และปลายหลังรองรับสปริงตั้งหลัง (รูป 2.16/2.17) สปริงรองรับของแบบซีบี92 นั้น แตกต่างกับสปริงของเครื่องแบบธรรมดา และความแข็งของสปริงรองรับออกตั้งได้เป็น 3 ระยะ



ตะเกียบหลัง
การถอด
1.ถอดล้อหลังและดุมล้อ
2.ถอดบังโซ่ทั้งซีกบนและซีกล่างและโซ่ (สำหรับเครื่องซี 92 และซีเอ95),ถอดเฉพาะบังโซ่ซีกบนและโซ่เท่านั้น (สำหรับเครื่องซีบี 92)


3.ถอดสลักเกลียวยึดโช๊คอับตัวล่าง ถอดน็อตสลักเกลียวแกนตะเกียบหลัง แล้วถอดสลักเกลียวแกนนั้นออก แล้วจึงถอดตะเกียบหลังออก
การตรวจ
1.ใช้สายตาตรวจหาการเปลี่ยนรูปหรือความสึกหรอของยางรองหูตะเกียบและที่รองบังโซ่ ถอดปลอกยางรองที่เสียออกด้วยไขควงและค้อน แล้วอัดปลอกยากรองใหม่เข้าไปแทน
2.ตรวจหาความบิดเบี้ยวหรือเปลี่ยนรูปด้วยการสอดแท่งเหล็กยาวที่มีขนาดใกล้เคียงกับรูปปลอกยางรอง แล้วรองรับปลายทั้งสองข้าง บนแท่นรูปตัวV ซึ่งวางอยู่บนพื้นผิวราบ สอดแท่งเหล็กอีกแท่งหนึ่งผ่านช่องที่ปลายหลัง ตรงที่ซึ่งเป็นที่ติดแกนดุมล้อหลัง แล้วรองรับแท่งเหล็กนั้นไว้ วัดหาความแตกต่างของความสูงระหว่างปลายทั้งสอง ด้วยเครื่องวัดความสูง ใช้เกจ์วัดความฉากสำหรับหาความบิดเบี้ยวของตะเกียบ
สปริงรองรับล้อหลัง
ส่วนประกอลของสปริงรองรับล้อหลังนั้นมีแสดงอยูตามรูป
2.18 กระบอกที่รองรับล้อหลังนั้นบรรจุด้วยน้ำมันเพลา และรับแรงกระเทือนด้วยลูกสูบและแกนลูกสูบ สำหรับเครื่องแบบซีบี 92 สปริงรองรับนั้นไม่มีอะไรปิดไว้ และอาจตั้งความแข็งของสปริงได้เป็นสามระยะ


การถอดเครื่องรองรับล้อหลัง
1.ที่รองรับล้อหลังนี้อาจถอดออกได้โดยการถอดน๊อตและสลักเกลียวสำหรับยึดทั้งตัวล่างและตัวบนออก
2.ไขสกรูหัวกากบาท 2 ตัวออกจากที่แผ่นรองก้นกระบอก
3.ยึดปลายหนึ่งของแกนไว้ด้วยไขควง เพื่อกันไม่ให้แกนนั้นหมุน แล้วจึงตะไบที่บิดกันน๊อตล้อคแกนออกแล้วจึงถอดน๊อตออก แล้วกระบอกรองรับ สปริง และเครื่องกันกระเทือนก็จะถอดออกได้ (ซี92 ซีเอ 95)
4.คลายสลักเกลียวซึ่งเข้าร่องไว้ที่ข้อต่อบน ตั้งความแข็งของสปริงที่รอยบากล่าง อัดสปริงใหญ่ด้วยเครื่องอัดสปริง แล้วจึงถอดที่ยึดสปริงตัวบนออก (ซีบี 92)
การตรวจและการประกอบ
1.วัดความยาวปกติและความฉากของสปริง เปลี่ยนสปริงเสีย ถ้าเกินกำหนดที่ให้ไว้ในรายการ
2.ถ้าแกนเครื่องก้นกระเทือนเสียหายหรือมีน้ำมันรั่วให้เปลี่ยนเครื่องกันกระเทือนทั้งตัว
3.เปลี่ยนยางกันกระแทกถ้ายางนั้นเสียแล้ว
4.ประกอบคืนโดยการดึงแกนเครื่องกันกระเทือนออกมาให้สุด แล้วใส่สปริงใหม่เข้ากับแกนเครื่องกันกระเทือน อัดสปริงลง แล้วใส่น๊อตยึดที่แกนเครื่องกันกระเทือน ขันน๊อตให้แน่น ใส่กระบอกล่างแล้วจึงขันน๊อตสำหรับล็อคให้แน่น แล้วจึงตั้งบังคับสปริงรองรับล้อหลัง
5.ตั้งความแข็งของสปริง แล้วแต่การใช้ เช่นเพื่อท่องเที่ยวหรือแข่งขัน โดยใช้กุญแจมีเข็มที่ปลายที่ให้ไว้ในชุดเครื่องมือ (รูป 2.19)


ล้อหลังนั้นขับเคลื่อนด้วยเฟืองโซ่ผ่านยางรองกันกระแทก โดยเฟืองนั้นต่อเข้ากับแผ่นจานประกบเฟืองขับโซ่ เครื่องแบบซี่ 92 และซีเอ 95 มีที่กันกระแทกเป็นรูปกึ่งวงกลม 4 ตัว และเครื่องแบบซีบี 92 มีที่กันกระแทกเป็นปลอกยางกลมเล็ก ๆ 4 ปลอก และเครื่องทุกแบบอาจถอดล้อหลังออกได้โดยไม่ต้องถอดแผ่นประกบเฟืองขับโซ่ออกก่อน (รูป2.20)


ห้ามล้อหลังเป็นชนิดคู่บังคับให้ขยายตัวออกด้วยลูกเบี้ยวและมีสลักสำหรับยึด 1 ตัว ในเครื่องซี 92 แบบธรรมดา และซีเอ 95 แต่สำหรับเครื่องแบบซีบี 92 มีสลักยึด 2 ตัว
1.การถอดล้อหลัง
ตั้งเครื่องบนขาตั้งกลาง ถอดก้านดึงห้ามล้อจากที่แผง และน๊อตตั้งห้ามล้อจากที่แกนดึงหน้าล้อ ถอดแกนล้อหลังแล้วปลอกและล้อก็จะถอดออกได้  ถอดแผงดุมห้ามล้อพร้อมกับผ้าเบรกออก (รูป
2.21)




แล้วจึงถอดล้อออกจากแผ่นประกับเฟืองโซ่ แล้วถอดออกจากตะเกียบหลังโดยการเอียงรถจักรยานยนต์ลง (รูป2.21)
2.วิธีการถอดที่ติดผ้าเบรกนั้น ให้ถอดสปริงดึงห้ามล้อกลับออกเสียก่อน (สำหรับเครื่องแบบ ซี92 ธรรมดาและซีเอ) แล้วจึงถอดแหวนที่บังคับสลักแกนไว้ด้วยคีบถ่างแหวน (set ring remover) และถอดแหวนรองสลังยึดนั้นออก ต่อจากนั้นก็ถอดที่ติดผ้าเบรกออกจากแกนสลักนั้น (สำหรับเครื่องซีบี 92) รูป2.24/2.25
3.ถอดลูกลื่นออกด้วยมือ แต่ถ้าติดแน่น ให้ถอดออกโดยเคาะเบา ๆ ข้างใน พร้อมกันนี้ก็อาจถอดผนึกกันน้ำมันรั่วออกได้
4.
ตลับลูกปืนของล้อและผนึกกันน้ำมันรั่ว ถอดสลักเกลียวขนาด 6 มม. ซึ่งใช้ยึดยางกันกระแทกออก แล้วถอดยางทั้ง 4 ชิ้นออก (สำหรับเครื่องแบนซิน 92 ธรรมดา และซีเอ 92)
5.ยางนอกและยางใน ถอดฝาครอบลิ้นสูบลมออกและถอดลูกศรออก โดยใช้ปลายของฝาครอบเพื่อปล่อยลมออก วางยางลงกับพื้นเพื่อจะได้กดกับข้างยาง เพื่อดันขอบยางออกจากวงล้อ สอดเหล็กงัดยาง 2 ท่อนเข้าระหว่างขอบยางและขอบวงล้อ แล้วง้อขอบยางให้ออกมาอยู่ข้องนอก ทำดังนี้ให้รอบยาง
1.การถอดล้อหน้า
รองรับใต้เครื่องไว้ด้วยขาตั้งหรือแท่น ยกล้อหน้าให้พันพื้น สำหรับเครื่องแบบซี
92 แบบธรรมดาและซีเอ 95 ถอดน้อตตั้งห้ามล้อ สลักเกลียวยึดก้านรองรับล้อหน้าที่อยู่ทางซ้าย สลักเกลียวกันแผงรองรับหน้าและน้อตแกนล้อหน้า ดึงแกนล้อหน้าออก ยกบังโคลนหน้าขึ้นพอให้พ้นล้อออกจากที่ระหว่างตะเกียบ (รูป2-28)

สำหรับเครื่องแบบซีบี 92 บังโคลนหน้านั้นติดอยู่กับแผนดุมห้ามล้อหน้าด้วย และควรถอดออกมาพร้อมกับล้อหน้า วิธีการถอดบังโคลนจากล้อให้หมุนล้อ จนกระทั่ง รอยที่ทำไว้บนบังโคลน(denes) นั้นตรงกับแกนรองรับก้านดึงห้ามล้อทั้งสองข้าง แล้วจึงดึงบังโคลน และลูกล้อออกจากกัน(รูป2-28)


ที่รองรับผ้าเบรคของเครื่องแบบซี 92 และซีเอ 95 นั้นถอดออกได้โดยง่าย แต่ในเครื่องซีบี 92 นั้นต้องถอดแหวนยึดที่สลักแกน และสปริงดึงที่รองผ้าเบรคเสียก่อน


2.การตรวจและประกอบคืน
วิธีการเช่นเดียวกับการประกอบล้อหลัง และห้ามล้อตามที่ให้ไว้ในหน้า 83 และ84 เพื่อตรวจและประกอบล้อหน้าและหน้าล้อหน้าคืน ตรวจดูตัวจัดระยะแผงห้างล้อหน้าว่าไม่หลวมจนเกินไป ถ้าจำเป็นก็ให้เปลี่ยนเสีย (รูป2-30) ตามเครื่องซีบี 92 ห้ามล้อหน้าใช้ลูกเบี้ยวบังคับสองตัว ดังนั้นจึงต้องตั้งก้านที่ใช้ต่อหลังจากที่ประกอบคืนแล้วตามวิธีที่อธิบายไว้


ควรขันน้อตทุกตัวโดยใช้แรงขันตามที่กำหนดไว้ ความดันของยางล้อหน้าที่ถูกต้องคือ 28 ปอนด์/นิ้ว
ข้อสังเกต บนเครื่องแบบซีบี 92 แผงห้ามล้อหน้าและห้ามล้อหลังมีฝาครอบนำอากาศ ซึ่งอาจถอดออกได้เมื่อใช้แข่ง เพื่อช่วยให้ห้ามล้อเย็น


2.7 โซ่ขับ และแผ่นประกบเฟืองขับ (Drive Flange)
โซ่ขับขนาดพิเศษ (เบอร์ 428) เป็นโซ่ที่ใช้กับเครื่องทุกแบบ การส่งกำลังไปยังล้อหลังนั้นส่งผ่านยางกันกระแทก ซึ่งอยู่ในส่วนประกับเฟือง
ในเครื่องแบบซี 92 และซีเอ 95 โซ่มีบังโซ่ปิดหมด แต่สำหรับเครื่องแบบ ซีบี 92 ปิดเฉพาะบางส่วนเท่านั้น



1.การถอด
ถอดบังโซ่หรือผาครอบบังโซ่และปลดรอยต่อโซ่ออก
ถอดน๊อตปลอกแกนล้น แล้วถอดแผ่นประกบเฟือง สำหรับขับล้อหลัง (รูป
34,35)




ตอกแผ่นพับที่ใช้ล้อคให้ราบลง โดยใช้ไขควงและค้อนแล้วจึงถอดน้อต (ซี 92 แบบธรรมดาและซีเอ 95) ดึงสลักหัวผ่าจากน้อตที่ใช้ล๊อคออกแล้วจึงถอดเฟืองหลังออก ดึงแกนกลางออกแล้วจึงถอดเอาผนึกกันน้ำมันรั่วและตลับลูกลื่นออก
2.การตรวจและการประกอบคืน
1.ล้างส่วนประกอบทุกชิ้นด้วยน้ำยาล้าง และตรวจตลับลูกปืน เฟืองและผนึกกันน้ำมันรั่ว เพื่อหาความสึกหรอ ถ้าจำเป็นก็ให้เปลียนเสียใหม่ เติมจาระบีให้เต็ม ประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ เข้าด้วยกันแล้วจึงประกอบเข้ากับดุมล้อ
2.ล้างโซ่ด้วยน้ำมันเบนซินให้สะอาดหมดจดแล้วทำให้แห้ง ใส่โซ่เข้าประมาณ 2/3 รอบเฟืองขับแล้วตรวจหาความสึกหรอโดยการดึง ถ้ายึดเกิน 5 มิลลิเมตร ให้เปลี่ยนโซ่เสียใหม่
วิธีการหล่อลืนโซ่เข้าด้วยกัน ควรตรวจดูให้แน่ว่า หัวคลิ๊ปต่ดโซ่หันไปข้างหน้า กล่าวคือ ปลายด้านที่เปิดนั้นชี้ไปทางด้านหลังของทางที่โซ่เคลื่อน
3.ตรวจตลับลูกลื่น และผนึกกันน้ำมันรั่วด้วยสายตาเพื่อหารอยสึกหรอ หรือเสียหาย ถ้าหลวมเกินไปก็ให้เปลี่ยนเสีย
4.ถ้ายางใยที่รองกันกระแทกเสื่อมลงให้เปลียนเสีย
5.เมื่อเปลี่ยนโซ่ ควรตรวจดูให้แน่ว่าน๊อตล๊อคไว้แน่นโดยการพับแผ่นล๊อดขึ้น










วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

คาบูเรเตอร์


น้ำมันไหลจากถังเข้ากับหม้อตระกอน (sediment bawl) ซึ่งรวมอยู่กับก๊อกปิดเปิดน้ำมัน แล้วจึงไหลเข้าคาร์บูเรเตอร์ที่ใช้มี 2 แบบ แบบหนึ่งสำหรับจักรยานยนต์แบบธรรมดา อีกแบบหนึ่งสำหรับเครื่อแบบซีบี92และซีเอ95
คาร์บูเรเตอร์ของเครื่องแบบซีบี92 และซีเอ95 มีนมหนูพิเศษเพื่อฉีดน้ำมันออกมามากขึ้นเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูง
หม้อกรองอากาศแบบใช้กรองจะกันมิให้ฝุ่น ทราย สิ่งสกปรก และผงแข็งเข้าสู่เครื่องยนต์ โดยผ่านทางคาร์บูเรเตอร์


น้ำมันจากถังนั้นรักษาระดับน้ำมันใจอ่างเก็บน้ำมันในคาร์บูเรเตอร์คงตัวอยู่เสมอ และจะถูกดูดเข้าไปในเครื่องยนต์ โดยผ่านนมหนูสองตัวสำหรับเครื่องแบบธรรมดาและนมหนู 3 ตัวสำหรับเครื่องแบบ ซีบี 92 และ ซีเอ 95 นมหนูที่กล่าวมานี้ได้แก่นมหนูใหญ่และนมหนูใช้สำหรับเมื่อเครื่องเดินอยู่ช้า ๆ บวกกับนมหนูให้อากาศเข้าเพื่อเพิ่มกำลังเป็นพิเศษ
นมหนู่สำหรับเมื่อเครื่องเดินช้านั้นใช้เมื่อลิ้นคันเร่งเปิดไม่เกิน
1/8(throthe) นมหนูใหญ่ซึ่งใช้เข็มควบคุมการปิดเปิดรับช่วงต่อจากนั้นไปจะกระทั่งเปิดลิ้นคันเร่งเต็มที่ นมหนูสำหรับให้กำลังพิเศษนั้นจะทำงานก็ต่อเมื่อเครื่องเดินเร็วกว่า 6000 รอบต่อนาทีขึ้นไป หรือวิ่งด้วยความเร็ว 70 ก.ม./ช.ม.  โดยใช้เกียร์สูงสุด ดังนั้นการตั้งคาร์บูเรเตอร์จึงต้องมี 2 ระดับ คือเมื่อเครื่องเดินช้าและเมื่อเครื่องเดินด้วยความเร็วสูง รูปแสดงส่วนตัดของคาบูเรเตอร์ของเครื่องธรรมดานั้นมีแสดงอยู่ในรูป 106 ขนาดของนมหนูนั้นมีแสดงอยู่ข้างล่างนั้นด้วย




การถอดคาร์บูเรเตอร์
1.ปิดน้ำมันโดยหมุนก๊อกมาที่ Stop แล้วจึงถอดท่อยางจากที่ข้อต่อคาร์บูเรเตอร์
2.ใช้สกรูฝาปิดบนลิ้นคันเร่ง แล้วถอดลิ้นคับเร่งออก ถอดแผ่นที่ใช้ยึดเข็มติดอยู่ที่ก้นของรอยลิ้นคับเร่ง และถอดปุ่มปลายของสายลิ้นคันเร่งจากแผ่นนั้น
3.ถอดคลิปรับท่อยางจากท่อไอดี ถอดน๊อตสลักเกลียวสองปลาย ซึ่งติดอยู่กับเสื้อสูบแล้วจึงถอดส่วนประกอบของคาบูเรเตอร์ออก
4.ปลดคล็บยึดอ่างลูกลอย (float chamber) แล้วจึงถอดอ่างลูกลอยออกดันแกนของก้านลูกลอยออกแล้วจึงถอดลูกลาย และเข็นลิ้นออก ใช้กุญแจบ๊อกซ์ ขนาด 8 ม.ม.ถอดฐานของลิ้นออก นมหนู่ใหญ่ถอดออกได้โยใช้ไขควงหัวผ่า ถอดที่ยึดเข็มนมหนู และนมหนูด้วยกุญแจบ๊อกซ์ขนาด 6 ม.ม. ถอดนมหนูสำหรับเมื่อเครื่องเดินช้า และนมหนู่สำหรับให้กำลังพิเศษ (สำหรับเครื่องแบบซีบี 92 ซีเอ95) ด้วยไขควง ถอดสกรูควบคุมอากาศ และสกรูตั้งลิ้นคันเร่ง
การทำความสะอาดและตรวจคาร์บูเรเตอร์
1
.ทำความสะอาดส่วนประกอบทุกส่วนด้วยน้ำมันเบนซิน โดยระมัดระวังอย่างให้นมหนูเสียไป
2.พ่นลมเข้าตามรูต่าง ๆ ที่เจาะไว้ตัวคาร์บูเรเตอร์ และพ่นอากาศอัดผ่านเข้าไปในนมหนู ตรวจดูด้วยตาเปล่ามีผงสกปรกอยู่หรือไม่ถ้ามีใช้อากาศอัดพ่นเข้าไปตามช่องอย่าใช้เข็มโลหะหรือเครื่องมือหรือไม้
3.ตรวจดูที่ปลายของสกรูควบคุมอากาศ เข็มนมหนู และเข็มลิ้นลูกลอย เพื่อหาดูความสึกหรอ เปลี่ยนชิ้นที่สึกหรอเสียใหม่
3.การประกอบคาร์บูเรเตอร์
1.ประกอบนมหนูให้เข้าที่ในตัวคาร์บูเรเตอร์ และดูให้แน่ว่านมหนูนั้นใส่เข้าที่อย่างถูกต้องข้อสำคัญในที่นี้ก็คือต้องระวังอย่าให้หัวสกรูเสียไปได้ เมือถอดคาร์บูเรเตอร์ออก ให้เปลี่ยนแผ่นรองหรือประเก็น หรือแหวนยางกลมเสียทุกครั้งก่อนใส่อ่างลูกลอย ให้ตรวจดูความสูงของลูกลอยตามวิธีในวรรคที่ว่าด้วยวิธีการตั้ง
2.การติดคาร์บูเรเตอร์เข้ากับเครื่อง
สอดปลายสายคันเร่งผ่านตอนบนของคาร์บูเรเตอร์ ฝาครอบบนสุดสปริงของลิ้นคันเร่งและลิ้นคันเร่งเข้ากับร่อง แล้วจึงติดแผ่นคลิ้บ
(clip plate) เข้าในลิ้นคันเร่ง สอดลิ้นคันแรงให้เข้าอยู่ในท่อในตัวคาร์บูเรเตอร์ แล้วจึงขันฝาครอบบนสุดลงดันสปริงไว้จากนี้ก็ใส่คาร์บูเรเตอร์เข้ากับสลักเกลียวสองปลายที่หัวสูบ แล้วขันน๊อตให้แน่นสม่ำเสมอกัน ต่อท่อน้ำมันยางกลับคืนเข้ากับท่อต่อ ต่อท่อยางเข้ากับที่กรองอากาศให้สนิท แล้วยึดไว้ด้วยแหวนคลิ้บ
การตั้งคาร์บูเรเตอร์
1
.การตั้งสำหรับความเร็วสูง
เมื่อลิ้นคันเร่งเปิดจาก
½ ถึงเต็มที่ ปริมาณน้ำมันที่จ่ายนั้นควบคุมด้วยนมหนูใหญ่ ตรวจการเดินของเครื่อง เมื่อเปิดคันแร่งเต็มที่โดยการปิดก้านโช้คลงเล็กน้อย
1.1 ถ้าความเร็วเพิ่มขึ้นแสดงว่าส่วนผสมมาเกินไป ต้องใช้นมหนูขนาดใหญ่ขึ้น
1.2 ถ้าความเร็วลดลงแสดงว่านมหนูนั้นอาจพอดีแล้วหรือใหญ่เกินไปก็ได้ ทดสอดใหม่โดยใช้นมหนูขนาดเล็กลงจนกว่าจะได้ขนาดที่พอดี
2.การตั้ง สำหรับความเร็วปานกลาง
เมื่อเปิดคันแร่งจาก
1/8 ถึง ½ น้ำมันที่จ่ายจากคาร์บูเรเตอร์นั้น ควบคุมได้ด้วยความสูงของเข็มนมหนู และรอยเว้าที่ลิ้นคันเร่ง
2.1 ถ้าไอเสียเป็นควันดำ,ส่วนผสมอาจหนาเกินไป ลดเข็มมนมหนู่ลงหนึ่งระดับโดยการเลื่อนคลิ้บขึ้นไปหนึ่งร่อง
2.1 เมื่อเครื่องระเบิดผิดจังหวะ (misfiring) ในระหว่างที่เร่งเครื่องหรือเมื่อวิ่งอย่างสม่ำเสมอโครง ½ ส่วนผสมนั้นบางเกินไป ให้เลื่อนเข็มนมหนูขึ้นไปหนึ่งร่องเบอร์ที่อยู่บนลิ้นเร่งนั้น แสดงขนาดเนื้อที่ของรอยเว้าที่ตัดออก เบอร์ยิ่งสูงก็ยิ่งให้ส่วนผสมบาง เบอร์ยิ่งเล็กก็ยิ่งให้ส่วนผสมหนา ควรระวังคาร์บูเรเตอร์ โดยใช้ลิ้นคันเร่ง อย่างให้มีผลกระทบกระเทือนต่อการทำงานของเครื่องเมื่อเปิดคันเร่งต่ำกว่า 1/8 เพราะจะมีผลเสียต่อขนาดส่วนผสมน้ำมันที่ใช้
3.การตั้งเครื่องสำหรับที่ความเร็วต่ำมาก (idling)
เมื่อตั้งลิ้นคันเร่งที่ต่ำกว่า 1/8 ให้จำไว้เสมอว่าการจ่ายน้ำมันนั้นควบคุม โดยสกรูตั้งอากาศ (pilot air adjusting screw) และรอยเว้าที่ตัดออกบนลิ้นคันเร่ง
1-1 อัตราส่วนผสมนั้นตั้งได้ด้วย สกรูตั้งอากาศ ขันสกรูเข้าเพื่อตั้งให้ได้ส่วนผสมหนา และคลายออกเพื่อได้ส่วนผสมบาง
1-2 ใช้การตั้งรอยเว้าที่ลิ้นช่วย ถ้าสกรูตั้งอากาศไม่พอที่จะทำให้เครื่องเดินเรียบได้


การตั้งระดับลูกลอย
วางคาร์บูเรเตอร์กลับหัวตามรูป
108 แล้ววัดระยะจากตอนล่างสุดของนมหนูใหญ่ ไปยังลูกลอยเมื่อจับลูกลอยไว้ในมือ โดยให้ก้านลูกลอยนั้นเริ่มจะแตะกับตอนบนของลูกลอย ระยะนี้ควรจะวัดได้ 7-8 ม.ม. (0.28-0.32) ถ้าวัดได้มากกว่าหรือน้อยกว่านี้ ก็ให้ตั้งความสูง เสียใหม่ด้วยการคัดก้านลูกลอยโดยระมัดระวัง อย่าให้เสียหรือหัก เมื่อตั้งระยะนี้ถูกต้องแล้วก็จะได้ระดับน้ำมันที่ถูกต้อง ระดับของน้ำมันนี้คือ 12.9-13.9 ม.ม. (0.514-0.554นิ้ว) วัดจากก้นอ่างสำหรับเครื่องแบบ PW18 HA30