แฮนเดิ้นทำด้วยเหล็กกล้าอัดเป็นรูป สำหรับเครื่องธรรมดานั้นยึดไว้ด้วยสลักเกลียวสองปลายโดยมียางก้นรองรับ ฝ่ายเครื่องแบบซีบี 92 และซีเอ 95 ก็มีแฮนเดิ้ลทำด้วยท่อเหล็กติดเข้ากับตะเกียบคู่หน้า โดยมีที่ยึดท่อเหล็กแฮนเดิ้นนั้น คลัทช์และสายห้ามล้อหน้า บนเครื่องแบบซีบี 92 และซีเอ 95 นั้นมีหัวอัดจารบีและที่ตั้งช่วงระยะฟรี
-ถอดสายคันเร่ง สายคลัทซ์และสายห้ามล้อหน้า ที่ตรงข้อต่อกับที่บีบบังคับทั้งสองข้าง และที่ปิดคันเร่ง วิธีการถอดฐานโลหะของปุ่มสตาร์ทออกแล้วจึงถอดที่จับออกจากแฮนเดิ้ล
-ถอดไฟหน้าและที่หลังโคมไฟ ตัดสายไฟต่าง ๆ ซึ่งทำหน้าที่ต่อไปยังสวิทซ์สำหรับควบคุมต่าง ๆ ที่ปลายของแฮนเดิ้ล
-ถอดน๊อตจากสลักเกลียว สำหรับยึดที่ใต้แฮนเดิ้ล (ซี92 แบบธรรมดา)
-ถอดตัวกันแฮนเดิ้ลสั่น (demper) และที่ยึดท่อแฮนเดิ้ล โดยถอดสลักเกลียว ขนาด6 ม.ม. 2 ตัว และ 8ม.ม. 2 ตัว ออก (ซีบี 92 และซีเอ 95)
-ใส่ยางกันแฮนเดิ้ล
สั่นเข้ากับสลักเกลียวซึ่งเชื่อมติดอยู่ใต้แฮนเดิ้ล และใส่แฮนเดิ้ลเข้ากับที่รับบนตะเกียบคู่หน้า (ซี92 แบบธรรมดา)
-ติดที่ยึดแฮนเดิ้ลครึ่งล่างเข้าที่แล้วขันสกรูให้แน่น ต่อไปให้ใส่แฮนเดิ้ลแล้วจึงใส่ที่ยึดแฮนเดิ้ลครึ่งบนให้เข้าที่แล้วขันสลักเกลียวยึดแฮนเดิ้ลให้อยู่ในลักษณะที่เหมาะที่สุด
-ต่อสายคันเร่ง สายคลัทซ์ สายห้ามล้อหน้าและที่บีบบังคับ ต่อสายไฟที่ในไฟหน้า โดยให้สีของสายตรงกัน ตรวจและตั้งสายสำหรับคันบังคับต่าง ๆไม่ให้หลวม เป็นการเสร็จการประกอบ
-ควรเอาใจใส่เป็นพิเศษเมื่อสอดสายคันบังคับ และสายไฟต่าง ๆ ไปตามช่องในแฮนเดิ้ลเพื่อไม่ให้ปลอกหุ้มสายคันบังคับและสายไฟเสียไป
-หยอดน้ำมันสายคันบังคับต่าง ๆ เป็นครั้งคราวอย่างสม่ำเสมอ ใช้ที่หยอดน้ำมันสำหรับสายคับบังคับ ถ้ามี
ที่ปลายล่างของแกนหมุนล้อ นั้นเชื่อมเข้ากับตะเกียบคู่หน้าซึ่งทำด้วยเหล็กกล้าอัดให้เป็นรูป แกนหมุนล้อนั้นหมุนรอบแกนกลาง ซึ่งเป็นเส้นต่อระหว่างตลับลูกปืนซึ่งติดอยู่ตอนบนและตอนล่างของหัวตะเกียบ (frame head) หัวของแกน
1.ถอดล้อหน้า ใส่ที่รองรับว่างข้อเหวี่ยงไว้
2.ถอดที่กันแฮนเดิ้ลสั่น สำหรับเครื่องแบบซีบี 92 และซีเอ 95 (รูป2.9) ถอดแฮนเดิ้ล ที่รองรับ และบังโคลน
3.ตอกแผ่นพับ (folding wasbers) สำหรับล้อคน๊อต ซึ่งอยู่ที่แฝ่นยึดบนตะเกียบให้ราบลง โดยใช้ไขควงและค้อน แล้วจึงขันสลักเกลียว 2 ตัว ซึ่งใช้ยึดตะเกียบหน้า พร้อมทั้งน๊อตตัวใหญ่ซึ่งใช้ยึดแกนหมุนล้อออก จากนั้นก็ถอดแผ่นยึดบนตะเกียบหน้าออก (รูป2.10 สำหรับเครื่องธรรมดา) (รูป 2.11 สำหรับเครื่องปบบซีบี92 และซีเอ 95)
5.ใช้มือหนึงจับส่วนประกอบตะเกียบหน้าไว้ แล้วคลายสลักเกลียวหัวแกนหมุนล้อ โดยใช้เครื่องมือพิเศษเป็นรูปโค้ง มีปุ่มที่ปลายแล้วถอดตลับลูกปืนรองรับแกนตัวบน หลังจากนั้นก็ถอดส่วนประกอบตะเกียบคู่หน้าออกจากใต้ปลอกแกน (head pipe) (รูป2.12)
6.ถอดที่ใส่ไฟหน้าและบังโคลนออกจากตะเกียบ
1.เปลี่ยนลูกปืนที่เสียหรือหลวม
2.เปลี่ยนปลอกขอบตลับลูกปืนที่เสียหรือเป็นรอยสึก
3.เปลี่ยนตะเกียบหน้าหรือแกนหมุนล้อที่บิดเบี้ยวหรืองอมาก ถ้ามีเครื่องจับสำหรับตรวจหรือวัดความเที่ยงตรง จะทำให้ตรวจวัดทำได้ง่าย แต่อาจใช้วิธีตรวจอย่างหยาบโดย ใช้เครื่องวัดความสูง (Height gange) และแท่นผิวราบ (Flat surface bed) ก็ได้
4.อัดจาระบีเข้าในตลับลูกปืนทั้งตัวบนและตัวล่างให้เต็ม โดยใช้จาระบีมีความเหนียวขนาดกลาง (medium toughness fibre grease) ประกอบลูกปืนเข้าตลับ ทาจาระบีเพื่อให้ใส่ง่าย
5.ประกอบตะเกียบหน้าเข้าที่หลังจากที่ตรวจดูแน่ว่าใส่แหวนกันฝุ่น ผนึกกันฝุ่นและขอบตลับลูกปืนตัวล่างเข้ากันแกนหมุนล้อเรียบร้อยแล้ว ใส่ตลับลูกปืนบนเข้ากับลูกปืน แล้วขันให้แน่นด้วยฝาครอบเกลียวบน
6.ขันฝาครอบเกลียนบนจนกระทั่งแกนหมุนล้อไม่รู้สึกหลวม เมื่อขยับตะเกียบหน้าไปมาและขึ้น ๆ ลง ๆ
7.ใส่แผ่นยึดบนตะเกียบแล้วขันให้แน่นด้วยสลักเกลียว แล้วจึงขันน๊อตยึดแกนหมุนล้อ แล้วพับแผ่นล้อกขึ้น ตรวจดูการหมุนเลี้ยวของล้อด้วยการจัดตะเกียบ หันไปมาทางซ้ายและขวา การหมุนควรจะหมุนได้คล่องเมื่อแตะเพียงเบา ๆ เท่านั้น ตั้งความแน่นเสียใหม่ถ้าจำเป็น (รูป 2.13)
สปริงหน้ามีเครื่องกันกระเทือนประกอบด้วยน้ำมัน (oil damper) ติดอยู่ในตะเกียบคู่หน้า (รูป 2.14) สปริง และเครื่องกันกระเทือนนั้นมีส่วนประกอบตามที่แสดงไว้ใน (รูป2.15)
การถอดโช้คอัพหน้า
1.ถอดสลักเกลียวตัวบน และสลักเกลียวของแกนของก้านรองรับหน้า (front arm) จากนั้นก็ถอดสปริง (ที่รับการกระเทือน) พร้อมด้วยก้านรองรับหน้าออกได้ ถอดสลักเกลียวตัวล่าง
2.ยกที่ปิดกันที่ปลายแกนเครื่องกันกระเทือน คลายสกรูที่ยึดแผ่นโลหะปิดที่ปลายแกนเครื่องกันกระเทือนด้วยไขควง แล้วจึงถอดน๊อตสำหรับล็อกจากแกนเครื่องกันกระเทือน แล้วถอดขดลวดสปริงพร้อมด้วยกระบอกสปริงออก
3.ตอนในของลูกสูบเครื่องกันกระเทือนนั้นไม่ควรถอดออก ถ้าพบว่ามีรายน้ำมันรั่วหรือตำหนิอื่น ๆ ให้เปลี่ยนเสียด้วยโช้คอับใหม่ทั้งชุด
1.วัดเส้นผ่าศูนย์กลางภายในของรูแกนรอบรับหน้า และเส้นผ่าศูนย์กลางภายนอกของปลอกแกน ถ้าหลวมมากก็ให้เปลี่ยนส่วนนั้น ๆ เสีย
2.วัดความยาวปกติของขดลวดสปริง ตลาดจนความแข็งและความตั้งฉาก เปลี่ยนสปริงเสีย ถ้าค่าที่วัดได้ไม่ตรองกับที่กำหนดไว้ในรายการง
4.การประกอบโช๊คอับคืนนั้นให้ดึงแกนเครื่องกันกระเทือนให้ออกมาให้ยาวที่สุดแล้วจึงใส่สปริงและกระบอกสปริงลงบนแกน กดสปริงลงให้ใส่น้อตที่ปลายแกนเครื่องกันกระแทก แล้วขันน๊อตล้อคให้สุด โดยยึดแกนไว้ด้วยไขควง ใส่แผ่นโลหะรองกันแน่นไว้ แล้วใส่ที่ปิดกันก้นแกนเข้ากันแผ่นโลหะรองก้น
การถอด
1.ถอดล้อหลังและดุมล้อ
2.ถอดบังโซ่ทั้งซีกบนและซีกล่างและโซ่ (สำหรับเครื่องซี 92 และซีเอ95),ถอดเฉพาะบังโซ่ซีกบนและโซ่เท่านั้น (สำหรับเครื่องซีบี 92)
1.ใช้สายตาตรวจหาการเปลี่ยนรูปหรือความสึกหรอของยางรองหูตะเกียบและที่รองบังโซ่ ถอดปลอกยางรองที่เสียออกด้วยไขควงและค้อน แล้วอัดปลอกยากรองใหม่เข้าไปแทน
2.ตรวจหาความบิดเบี้ยวหรือเปลี่ยนรูปด้วยการสอดแท่งเหล็กยาวที่มีขนาดใกล้เคียงกับรูปปลอกยางรอง แล้วรองรับปลายทั้งสองข้าง บนแท่นรูปตัวV ซึ่งวางอยู่บนพื้นผิวราบ สอดแท่งเหล็กอีกแท่งหนึ่งผ่านช่องที่ปลายหลัง ตรงที่ซึ่งเป็นที่ติดแกนดุมล้อหลัง แล้วรองรับแท่งเหล็กนั้นไว้ วัดหาความแตกต่างของความสูงระหว่างปลายทั้งสอง ด้วยเครื่องวัดความสูง ใช้เกจ์วัดความฉากสำหรับหาความบิดเบี้ยวของตะเกียบ
ส่วนประกอลของสปริงรองรับล้อหลังนั้นมีแสดงอยูตามรูป 2.18 กระบอกที่รองรับล้อหลังนั้นบรรจุด้วยน้ำมันเพลา และรับแรงกระเทือนด้วยลูกสูบและแกนลูกสูบ สำหรับเครื่องแบบซีบี 92 สปริงรองรับนั้นไม่มีอะไรปิดไว้ และอาจตั้งความแข็งของสปริงได้เป็นสามระยะ
1.ที่รองรับล้อหลังนี้อาจถอดออกได้โดยการถอดน๊อตและสลักเกลียวสำหรับยึดทั้งตัวล่างและตัวบนออก
2.ไขสกรูหัวกากบาท 2 ตัวออกจากที่แผ่นรองก้นกระบอก
3.ยึดปลายหนึ่งของแกนไว้ด้วยไขควง เพื่อกันไม่ให้แกนนั้นหมุน แล้วจึงตะไบที่บิดกันน๊อตล้อคแกนออกแล้วจึงถอดน๊อตออก แล้วกระบอกรองรับ สปริง และเครื่องกันกระเทือนก็จะถอดออกได้ (ซี92 ซีเอ 95)
4.คลายสลักเกลียวซึ่งเข้าร่องไว้ที่ข้อต่อบน ตั้งความแข็งของสปริงที่รอยบากล่าง อัดสปริงใหญ่ด้วยเครื่องอัดสปริง แล้วจึงถอดที่ยึดสปริงตัวบนออก (ซีบี 92)
1.วัดความยาวปกติและความฉากของสปริง เปลี่ยนสปริงเสีย ถ้าเกินกำหนดที่ให้ไว้ในรายการ
2.ถ้าแกนเครื่องก้นกระเทือนเสียหายหรือมีน้ำมันรั่วให้เปลี่ยนเครื่องกันกระเทือนทั้งตัว
3.เปลี่ยนยางกันกระแทกถ้ายางนั้นเสียแล้ว
4.ประกอบคืนโดยการดึงแกนเครื่องกันกระเทือนออกมาให้สุด แล้วใส่สปริงใหม่เข้ากับแกนเครื่องกันกระเทือน อัดสปริงลง แล้วใส่น๊อตยึดที่แกนเครื่องกันกระเทือน ขันน๊อตให้แน่น ใส่กระบอกล่างแล้วจึงขันน๊อตสำหรับล็อคให้แน่น แล้วจึงตั้งบังคับสปริงรองรับล้อหลัง
5.ตั้งความแข็งของสปริง แล้วแต่การใช้ เช่นเพื่อท่องเที่ยวหรือแข่งขัน โดยใช้กุญแจมีเข็มที่ปลายที่ให้ไว้ในชุดเครื่องมือ (รูป 2.19)
1.การถอดล้อหลัง
ตั้งเครื่องบนขาตั้งกลาง ถอดก้านดึงห้ามล้อจากที่แผง และน๊อตตั้งห้ามล้อจากที่แกนดึงหน้าล้อ ถอดแกนล้อหลังแล้วปลอกและล้อก็จะถอดออกได้ ถอดแผงดุมห้ามล้อพร้อมกับผ้าเบรกออก (รูป2.21)
4.ตลับลูกปืนของล้อและผนึกกันน้ำมันรั่ว ถอดสลักเกลียวขนาด 6 มม. ซึ่งใช้ยึดยางกันกระแทกออก แล้วถอดยางทั้ง 4 ชิ้นออก (สำหรับเครื่องแบนซิน 92 ธรรมดา และซีเอ 92)
5.ยางนอกและยางใน ถอดฝาครอบลิ้นสูบลมออกและถอดลูกศรออก โดยใช้ปลายของฝาครอบเพื่อปล่อยลมออก วางยางลงกับพื้นเพื่อจะได้กดกับข้างยาง เพื่อดันขอบยางออกจากวงล้อ สอดเหล็กงัดยาง 2 ท่อนเข้าระหว่างขอบยางและขอบวงล้อ แล้วง้อขอบยางให้ออกมาอยู่ข้องนอก ทำดังนี้ให้รอบยาง
รองรับใต้เครื่องไว้ด้วยขาตั้งหรือแท่น ยกล้อหน้าให้พันพื้น สำหรับเครื่องแบบซี 92 แบบธรรมดาและซีเอ 95 ถอดน้อตตั้งห้ามล้อ สลักเกลียวยึดก้านรองรับล้อหน้าที่อยู่ทางซ้าย สลักเกลียวกันแผงรองรับหน้าและน้อตแกนล้อหน้า ดึงแกนล้อหน้าออก ยกบังโคลนหน้าขึ้นพอให้พ้นล้อออกจากที่ระหว่างตะเกียบ (รูป2-28)
วิธีการเช่นเดียวกับการประกอบล้อหลัง และห้ามล้อตามที่ให้ไว้ในหน้า 83 และ84 เพื่อตรวจและประกอบล้อหน้าและหน้าล้อหน้าคืน ตรวจดูตัวจัดระยะแผงห้างล้อหน้าว่าไม่หลวมจนเกินไป ถ้าจำเป็นก็ให้เปลี่ยนเสีย (รูป2-30) ตามเครื่องซีบี 92 ห้ามล้อหน้าใช้ลูกเบี้ยวบังคับสองตัว ดังนั้นจึงต้องตั้งก้านที่ใช้ต่อหลังจากที่ประกอบคืนแล้วตามวิธีที่อธิบายไว้
ถอดบังโซ่หรือผาครอบบังโซ่และปลดรอยต่อโซ่ออก
ถอดน๊อตปลอกแกนล้น แล้วถอดแผ่นประกบเฟือง สำหรับขับล้อหลัง (รูป 34,35)
1.ล้างส่วนประกอบทุกชิ้นด้วยน้ำยาล้าง และตรวจตลับลูกปืน เฟืองและผนึกกันน้ำมันรั่ว เพื่อหาความสึกหรอ ถ้าจำเป็นก็ให้เปลียนเสียใหม่ เติมจาระบีให้เต็ม ประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ เข้าด้วยกันแล้วจึงประกอบเข้ากับดุมล้อ
2.ล้างโซ่ด้วยน้ำมันเบนซินให้สะอาดหมดจดแล้วทำให้แห้ง ใส่โซ่เข้าประมาณ 2/3 รอบเฟืองขับแล้วตรวจหาความสึกหรอโดยการดึง ถ้ายึดเกิน 5 มิลลิเมตร ให้เปลี่ยนโซ่เสียใหม่
วิธีการหล่อลืนโซ่เข้าด้วยกัน ควรตรวจดูให้แน่ว่า หัวคลิ๊ปต่ดโซ่หันไปข้างหน้า กล่าวคือ ปลายด้านที่เปิดนั้นชี้ไปทางด้านหลังของทางที่โซ่เคลื่อน
3.ตรวจตลับลูกลื่น และผนึกกันน้ำมันรั่วด้วยสายตาเพื่อหารอยสึกหรอ หรือเสียหาย ถ้าหลวมเกินไปก็ให้เปลี่ยนเสีย
4.ถ้ายางใยที่รองกันกระแทกเสื่อมลงให้เปลียนเสีย
5.เมื่อเปลี่ยนโซ่ ควรตรวจดูให้แน่ว่าน๊อตล๊อคไว้แน่นโดยการพับแผ่นล๊อดขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น