แตรที่ใช้เป็นแตรใช้ขดลวดไฟสลับ และใช้กระบอกแตร (trumpet) เป็นตัวช่วยเสริมเสียงให้ดังและไพเราะ รูปตัดของแตรนั้นมีแสดงไว้ตามรูป แตรนั้นทำให้มีเสียงได้ด้วยการทำให้แผ่นลิ้น(diaphragm) สั่นโดยใช้กำลังแม่เหล็ก แล้วจึงขยายเสียงที่ได้ให้ดังด้วยขดของกระบอกในแตร ความดังของแตรนั้นได้ 100-105 ฟอนส์ที่ระยะสองเมตรจากข้างหน้าของแตร หลังจากที่ใช้แตรมาเป็นเวลานาน ที่ผิวของปุ่มสัมผัส (Contact point surfaces) จะไม่เรียบและกระแสร์ก็จะลดลง ทำให้เสียงเบาและฟังไม่เพราะ ใช้ถอดฝาครอบแตรออกคลายน๊อตสำหรับล๊อค และตั้งน๊อตตัวที่ใช้สำหรับตั้ง วิธีการตั้งเพื่อให้เสียงดังและดีขึ้นก็คือขันน๊อตสำหรับตั้งไปตามเข็มนาฬิกา ตั้งให้ได้เสียงที่เหมาะที่สุด แล้วขันน๊อตสำหรับล๊อคให้แน่น ลิ้นของแตรนั้นทำด้วยแผ่นโลหะที่แข็งและบางมาก ถ้าหากแผ่นนี้เกิดชำรุดทำให้เสียงที่ได้นั้นไม่ดีแล้ว ต้องเปลี่ยนแผ่นลิ้นนี้เสีย เมื่อแตรไม่มีเสียงก่อนตรวจตัวแตร ให้ตรวจที่ปุ่มกดแตรและขั้วต่อไฟต่าง ๆ เสียก่อน
ไฟกระพริบ
ตัวรีเลย์(relay) ของไฟกระพริบนั้นติดอยู่ในตัวถัง โดยมีแผ่นยึดติดไว้ด้วยสลักเกลียว ส่วนประกอบของเครื่องรีเลย์นั้นแสดงไว้ตามรูป โดยใช้สปริงดึงต้านแรงแม่เหล็ก อัตรากระพริบตามปกติคือ 60-120 ครั้งต่อนาที ถ้าไฟไม่กระพริบแต่ติดอยู่เมื่อเปิดสวิทซ์ แสดงว่าหลอด ๆ หนึ่งในจำนวน 2 หลอดที่อยู่ด้านนั้นขาดแล้ว ถ้าทั้งสองหลอดหน้าและสองหลอดหลังกระพริบพร้อมกัน เมื่อเปิดสวิทซ์ไฟด้านใดด้านหนึ่งแสดงว่าเดินสายผิด
ไฟหน้ามีอยู่ 2 แบบ ทั้งสองแบบใช้แทนกันได้ แบบหนึ่งนั้นคือแบ่งกิ่งอัดกระจกปิดตาย (fully sealed beam) รายละเอียดของไฟหน้าทั้งสองแบบแสดงอยู่ในรูป ไฟที่มีกระจกหน้ากิ่งอัดปิดนั้นมีกระจกหน้าและโคมสท้องแสงติดอยู่กับตัวพร้อมทั้งทีขั้วสำหรับใส่หลอดไฟ ขั้วนี้อาจถอดออกได้สำหรับใช้เปลี่ยนหลอดไฟ ไฟหน้าแบบปิดตายนั้นถอดหลอดออกไม่ได้ เมื่อไส้ขาดต้องเปลี่ยนไฟหน้าทั้งชุด ส่วนดีของไฟหน้าชนิดปิดตายนี้ก็คือใช้หลอดใหญ่กว่าได้ ทำให้ได้ไฟสว่างกว่า และใช้ใส้ยาวกว่า ทำให้มีความร้อนน้อยกว่าเมื่อความสว่างเท่ากัน จึงทำให้หลอดทนมาก แสงไฟที่ใช้หลอดทั้งสองแบบคือ 6-8 โวลต์ 3-5 วัตต์และที่ไฟหรี่ 25 วัตต์ ให้ความสว่างถึง 20,000 แรงเทียน ที่ตรงกลางเมื่อส่งบนจอห่างจากไฟหน้า 10 เมตร และให้ความสว่าง 5,000 แรงเทียนที่ตอนกลางคืนเมื่อใช้ไฟหรี่
มุมส่องของไฟหน้าอาจตั้งได้ด้วยสกรูสำหรับตั้ง ถ้าต้องการให้ส่องขึ้นก็ขันสกรูเข้า ถ้าต้องการให้ส่องลงก็คลายสกรูออก ในการตั้งนั้นควรให้ผู้ขับขี่นั่งอยู่บนจักรยานยนต์แล้วส่องไฟไปที่จอ
ใช้หลอดพิเศษทำเป็นรูปทรงกระบอกติดเข้าในกระจกสีเหลืองทั้งสองข้าง และทั้งข้างหน้าและข้างหลัง
ไฟท้ายนั้นมีกระจกใสปิดอยู่ และไฟห้ามล้อก็มีกระจกสีแดงปิดอยู่ หลอดที่ใช้เป็นหลอดสองไส้ขนาด 6-8 โวลต์ 3 วัตต์ สำหรับไฟท้ายและขนาก 6-8 โวลต์ 6 วัตต์ สำหรับไฟห้ามล้อ ไฟห้ามล้อนั้นเปิดขึ้นด้วยสวิทซ์ไฟห้ามล้อซึ่งติดอยู่กับห้ามล้อหลัง การถอดหลอดให้ถอดสกรูสองตัวซึ่งใช้ยึดกระจกไว้ออกเสียก่อน
ไฟหน้าปัทม์นั้นอยู่หลังหน้าปัทม์บอกความเร็ว และไฟแสดงเกียร์ว่างก็อยู่ที่โคมไฟหน้า หลอดทั้งสองมีขนาด 6-8 โวลต์ 3 วัตต์ การจะถอดหลอดใดหลอดหนึงออกนั้นต้องถอดไฟหน้าออกเสียก่อน แล้วจึงคลายสกรูเอาหลอดออก ไฟแสดงเกียร์ว่างนั้นยึดให้อยู่กับที่ด้วยปลอกยาง
สายรัดสายไฟนั้นเป็นที่รวมสายไฟจากแบตเตอรี่ที่ต่อไปยังที่ใส่ไฟหน้า โดยยึดติดอยู่กับตัวถังด้านซ้าย เดินไปตามข้างตัดถังตามซอกของถ้งน้ำมัน แล้วผ่านเข้าตัวถังทางช่องที่เจาะไว้ที่ต่อสายไฟเท่านั้นอยู่ที่ใส่ไฟหน้า ข้อต่ออื่น ๆ หลายตัวนั้นมัดรวมกันอยู่ด้วยที่ต่อทำด้วยพลาสติกเป็นรูปจตุรัส ปิดไว้ด้วยท่อย่างแล้วยึดไว้เหนือช่องมองอยู่ทางด้านขวาของตัวถัง บรรดาสายไฟจากแบตเตอรี่นั้นเดินผ่านช่องเหล็กที่ใช้เสริมตัวจังและด้านข้างขวาของถ้ง เพื่อกันไม่ให้สายเกิดเสียหานขึ้นจากฝุ่น ไอน้ำ หรือหินที่กระเด็นขึ้นมา เมื่อทำการต่อสาย ระมัดระวังการต่อสายที่มีสีและลวดลายเหมือนกันเท่านั้น มิฉะนั้นอาจจะเกิดไฟไหม้หรือการลัดวงจรขึ้ก็ได้ ควรดูทำตามรูปวงจรเสมอเมื่อทำการต่อสายไฟ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น