หัวเทียนที่ใช้ในรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า 150 และฮอนด้า 125 นั้นมีดังนี้
สำหรับการใช้ตามปกติ หัวเทียนควรจะแห้งสนิท และมีผิวสีเทาบาง ๆ หรือค่อนข้างไปทางน้ำตาล และฉนวนกลางควรมีรอยเกรียมเป็นสีเหลืองทอง
ใช้เครื่องทำความสะอาดหัวเทียนหรือแปลงลวดทำความสะอาดหัวเทียน ถ้าเกิดมีเขม่าจับขึ้นหรือเปียก หลังจากที่ทำความสะอาดแล้วตั้งระยะเขี้ยวให้ได้ 0.6-0.7 มม. เปลี่ยนหัวเทียนที่เสียหรือมีเขี้ยวสึกไปมาก ๆ ถ้ามีเครื่องทดสอบหัวเทียนก็ให้ทดสอบหัวเทียนภายใต้ความดัน 7-10 ปอนด์ ของความดันอากาศ เปลี่ยนหัวเทียนตัวที่ไม่ทำงานเมื่อทดสอบการใส่หัวเทียน ขันเข้าด้วยมือก่อน แล้วจึงขันแน่นด้วยนิ้ว จากนั้นก็ให้ขันเข้าไปอีก ¼ รอบ โดยใช้กุญแจปลอกสำหรับขันหัวเทียน อย่าลืมแหวนหัวเทียนเข้าไปด้วย
การเดินสายของวงจรเป็นตามแบบข้างล่างนี้
ขนาดกำลังของมอเตอร์ขณะที่กำลังใช้ติดเครื่องมีดังนี้
2.3 โวลต์ 200 แอมแปร์ แรงหมุน 1.8 กก.ม. 0.3 แรงม้า ระหว่างมอเตอร์และข้อเหวี่ยงนั้นมีอัตราทดอยู่ 2 ตอน
ขั้นแรก จากเพลา-เฟืองโซ่ (planetary gear) 7.33:1
ขั้นที่สอง เฟืองโซ่-เฟืองข้อเหวี่ยง 2.77:1
รวม 20.3:1
เมื่ออากาศเย็น ข้อเหวี่ยงจะหมุนด้วยความเร็ว 250-300 รอบต่อนาที
1.การถอดและประกอบ
ดูรูปแยกส่วนประกอบ (รูป 3-15) ถอดฝาจากสองข้างของมอเตอร์สำหรับสตาร์ท ขันสลักเกลียวขนาด 6 มม. ตัวยาว 1 ตัวและตัวสั้น 3 ตัว ซึ่งติดอยู่บนมอเตอร์ แล้วถอดโซ่จากมอเตอร์ ถอดแหวนที่ใช้ยึดเฟืองโซ่ไว้ แล้วจึงถอดเฟืองโซ่ซึ่งเข้ากับเพลาของมอเตอร์ที่มีรอยหยัก ออกได้ คลายสลักเกลียวที่บนห้องเกียร์ แล้วแยกตอนหน้าของมอเตอร์ออก มีเฟืองหมุน (planetary gears) 3 ตัวติดอยู่กับแผ่นรับแผ่นหนั่งด้วยแกนถอดเฟืองรูปวงแหวน(ring gear) จากข้างตัวมอเตอร์ ถอดฝาครอบคอมมิวเตเตอร์ (commutator) และสกรูจากตอนหลังของมอเตอร์ ต่อไปดึงเอาลูกลื่นคอมมิเตเรอร์และขดลวดอารัมมาเจอร์ออกจากภายใจ คลายสกรุยึดขั้วแปรงถ่าน (Brush) แล้วถอดแปรงนั้นออกโยการดึงที่สปริง กลับลำดับข้างบนนั้นเสีย เพื่อประกอบ แต่ถ้าจะให้ดีให้ใส่เฟืองโซ่เข้ากับเพลาเสียก่อนแล้วจึงใส่เฟืองหมุน (planetary gears)
เฟืองนั้นโดยปกติแล้วไม่เสียง่าย ถ้าหากเกิดมีรอยแตกกะเทาะจากฟันเฟืองให้ถอดสลักสำหรับยึดเฟืองนั้นออกแล้วก็เปลี่ยนเฟืองตัวที่แตกหรือกะเทาะนั้นเสีย เมื่อตัวทองแดงของ Commutator สึกหรอไป ประสิทธิภาพของมอเตอร์ก็จะลดลง ควรให้ช่างผู้ชำนาญทำการเซาะร่องไมก้า (mica) ซึ่งใช้เป็นฉนวนเสียใหม่ แปรงที่สึกหรอ และสปริงอาจเปลี่ยนได้ง่ายโดยการถอดฝาครอบลูกลื่นออกเท่านั้น ถ้ามอเตอร์สำหรับสตาร์ทเกิดไปจมน้ำอยู่ ถอดมอเตอร์ออกเป็นชิ้นและทำให้ชิ้นส่วนภายในแห้งเสียให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
เนื่องจากกระแสร์ไฟที่ใช้ในมอเตอร์สำหรับติดเครื่องนี้สูงถึง 100 แอมแปร์ จึงต้องใช้สายไฟที่มีขนาดใหญ่และมีที่ต่อสายเป็นพิเศษ สวิทซ์แม่เหล็กนั้นมีไว้ก็ด้วยเหตุผลข้อนี้เอง(รูป3-14) เมื่อใช้สวิทซ์แม่เหล็กนี้เป็นเวลานาน ๆ แล้ว แผ่นที่ใช้ต่อสัมผัสก็อาจไหม่ได้เนื่องมาจากกระแสร์ไฟสูงมาก ทำให้ความต้านทานมีเพิ่มมากขึ้นและในที่สุดกระแสร์ไฟก็จะหยุดไหล ในกรณีเช่นนี้เมื่อกดปุ่มสตาร์ทจะมีเสียงดังคลิ้กเกิดขึ้น แต่มอเตอร์ไม่หมุน ให้ถอดสวิทซ์เสีย เอาสกรู 2 ตัวออกแล้วขัดแผ่นที่ใช้ต่อสัมผัส ด้วยตะไบอย่างละเอียดหรือกระดาษทราย
คลัทซ์สำหรับแยกมอเตอร์ออกนี้ ออกแบบมาเพื่อให้ส่งแรงหมุนจากมอเตอร์ไปยังเพลาข้อเหวี่ยงได้ แต่เมื่อเครื่องติดแล้ว แรงหมุนจากเครื่องยนต์นั้นไม่ส่งกลับมายังมอเตอร์ ส่วนประกอบนั้นมีแสดงไว้ตามรูป 3-16 โดยลูกลื่นทั้ง 3 ตัวถูกดันออกมาด้วยสปริงตามทิศทางของลูกศรเล็ก ๆ ที่เขียนไว้และเฟืองกับปลอกลิ่ม (onter wadge) นั้นหมุนไปด้วยกัน
ถอดฝาครอบข้างขวาและฐานของตัว stator ของไดนาโม ถอดเฟืองขับโซ่ของมอเตอร์สำหรับสตาร์ท แล้วถอดมอเตอร์ออก ตัวหมุนของไดนาโมและเฟืองโซ่นั้นดึงออกจากเพลาข้อเหวี่ยงพร้อมกันได้
1.ตรวจอ่างข้อเหวี่ยงและผนึกกันน้ำมันรั่วของเฟืองสำหรับสตาร์ท
2.เปลี่ยนปลอกรองแกนเฟืองสำหรับสตาร์ท ถ้าเส้นผ่าศูนย์กลางภายใจแสดงว่าหลวมเกินไป
3.ตรวจดูที่ซึ่งลูกลื่นของเฟืงสตาร์ทเข้ามาดันติดอยู่เพื่อดูรอยกดและรอยสึกหรอบนลิ่มตัวนอกของคลัทช์ (clutch onter wedge) เปลี่ยนส่วนที่สึกหรอเสีย
4.ตรวจสปริงของลูกลื่น
ใส่สปริง 3 ตัวเข้าที่ สวมฝาครอบสปริงเข้ากับคลัทซ์เข้ากับตัวหมุนของไดนาโมด้วยสกรู 3 ตัวและขันให้แน่น ใส่สลักลิ่มเข้ากับช่องบนเพลาข้อเหวี่ยงโดยให้ตรงกับร่องบนตัวหมุนของไดนาโม แล้วหมุนแกนไปตามแนวหมุนของเพลาข้อเหวี่ยง ดันตัวหมุนให้ติดอยู่ตัวเฟืองโซ่ พร้อมกับยึดโซ่ไว้ให้อยู่กับที่ เป็นอันว่าใส่คลัทซ์เข้าที่ได้แล้ว ประกอบเครื่องให้เสร็จด้วยการใส่เครื่องเลื่อนระยะเวลาจุดระเบิด และฐานของไดนาโม ทาลูกลื่นด้วยจาระบีที่ไม่เหนี่ยว (ช่นพวกจาระบี silicon DC44) อย่างบาง ๆ เพื่อประกอบกันเข้าเครื่อง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น