3.อุปกรณ์ไฟฟ้า
อุปกรณ์เครื่องไฟฟ้านั้นแบ่งออกได้เป็น 5
จำพวก แบตเตอร์รี่สำหรับเก็บไฟฟ้าเครื่องปั่นไฟ เครื่องสตาร์ท เครื่องจุดระเบิด
และเครื่องให้แสงสว่าง นอกจากนี้แล้วยังมีไฟกระพริม แตร
ไฟแสดงว่าอยู่ในเกี่ยร์ว่าง ที่รองรับสายไฟรวมอยู่ในจำพวกเครื่องไฟฟ้าเบ็ตเตล็ด
3-1 แบตเตอรี่
แบตเตอรี่นั้นเก็บอยู่ในกล่องข้างซ้ายของตัวถัง เมื่อเครื่องเดิมด้วยความเร็วปกติ
กระแสร์ไฟที่ได้จากไดนาโมไฟสลับ และผ่านการเปลี่ยนให้เป็นไฟตรงด้วยเครื่องแปลงไฟ (selenium rectifier) นั้นพอเพียงที่จะจ่ายให้แก่ระบบการจุดระเบิด (iguition) ให้แสงสว่างและให้กระแสร์ไฟต่อเครื่องประกอบไฟฟ้าอื่น
ๆ เมื่อเครื่องยังไม่ติด
การติดเครื่องด้วยมอเตอร์สำหรับสตาร์ทหรือเมื่อต้องใช้กระแสร์ไฟมากกว่าที่ได้จากไดนาโม
แบตเตอรี่ก็จะทำหน้าที่จ่ายกระแสร์ไฟให้พอ หม้อแบตเตอรี่พลาสติกนั้นมี 3 เซล์ แต่ละเซล์มีแผ่นขั้วบวกอยู่ 7 แผ่น ขั้วลบ 8 แผ่น แผ่นในเซล์นั้นแยกไม่ให้มีการติดต่อด้วยแผ่นกั้น (separator) และแช่อยู่ในน้ำยา (Electrolyte solution) กรดกำมะถันและน้ำกลั่น
ขนาดบรรจุของแบตเตอรี่พอจ่ายกรแสร์ได้ 11
แอมแปร์ชั่วโมง ที่ 6 โวลต์
ขั้วบวกนั้นต่อเข้ากับเครื่องแปลงไฟโดยมีฟิวส์กันอยู่ และขั้วลบนั้นต่อเข้ากับตัวถังโดยใช้สายดิน
1.การถอดและติดตั้งแบตเตอรี่
ถอดฝาครอบกล่องแบตเตอรี่ออก ถอดที่ยึดหม้อแบตเตอรี่ออกโยการคลายสลักเกลี่ยว 6 มม.ออก
ตัดสายจากขั้วแบตเตอรี่ทั้งสองขั้วแล้วจึงถอดแบตเตอรี่ออกได้
เมื่อใส่แบตเตอรี่คืน เช็คแบตเตอรี่ให้สะอาดแล้วขันสายที่ต่อขั้วทั้งสองให้แน่น
(รูป3-1)
ควรดูให้แน่ว่าท่อระบายอากาศของหม้อแบตเตอรี่นั้นไม่เยินจนปิดรูไว้
2.การซ่อมแซม
แบตเตอรี่นั้นส่งไปยังต่างประเทศโดยไม่ได้อัดไฟไว้และไม่มีน้ำยา
เมื่ออัดแบตเตอรี่ครั้งแรกนั้นให้ปฏิบัติตามวิธีการที่ให้มาพร้อมกับแบตเตอรี่ซึ่งมีข้อความว่า
การระวังรักษาแบตเตอรี่นั้นต้องการแต่เพียงรักษาระดับของน้ำกรดไว้ให้อยู่ในระดับที่กำหนด
ถ้าระดับลดลงเร็วผิดปกติ ให้ตรวจดูไดนาโมว่าให้กระแสร์ไฟแรงเกินไปหรือเปล่า
ความสัมพันธ์ระหว่างความถ่วงจำเพาะของน้ำกรด
และปริมาณของกระแสร์ไฟที่เก็บอยู่ในแบตเตอรี่มีดังนี้
ค่าที่ให้นี้เป็นค่ามาตรฐานที่อุณหภูมิ
20 องศาเซลเซียส
ให้ใช้สูตรต่อไปนี้คำนวณหาสำหรับที่อุณหภูมิอื่น
ความถ่วงจำเพาะที่
20 องศาเซลเซียส =( (ความถ่วงจำเพาะที่ tองศาc) + 0.007)(t –20องศาc)
ตามสูตรข้างต้น
t คือ อุณหภูมิของน้ำกรดเป็นเซนติเกรด
ถ้าความถ่วงจำเพาะลดลงต่ำกว่า 1.210
เมื่อกลับมาให้ได้ค่าที่ 20 องศาc
แล้วก็ต้องอัดแบตเตอรี่
แบตเรอรี่แห้ง
1.ข้อควรระวังก่อนการใช้
แบตเตอรี่มีผ่านแห้งที่อัดไฟไว้แล้ว แต่ไม่มีน้ำยา เมื่อต้องการใช้แบตเตอรี่
หรือไม่มีเวลาพอ หรือเครื่องอัดไฟไม่เหมาะสำหรับการอัดไฟครั้งแรก
อาจใช้แบตเตอรี่เลยก็ได้ โดยการเติมน้ำกรดให้พอ อย่างไรก็ตาม
ขอแนะนำให้อัดไฟครั้งแรกเสียทุกหม้อ
2.การเติมน้ำกรด
ใช้น้ำยากรดกำมะถันเจือจาง มีขนาดความถ่วงจำเพาะต่ำกว่า 30 องศาc
เติมน้ำกรดให้ได้ระดับน้ำยาตามต้องการ(max)
3.ปล่อยแบตเตอรี่ทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง หลังจากที่เติมน้ำกรดแล้ว
ก่อนที่จะเริ่มทำการอัด
ถ้าในระหว่างนี้ระดับน้ำกรดลดลงก็ให้เติมขึ้นมาจนถึงระดับเส้นบน
4.การอัด
ใช้อัดเมื่ออุณหภูมิของน้ำกรดนั้นต่ำกว่า 30องศาc ด้วยอัตรที่ให้ไว้ข้างต้น เป็นเวลา 15 ถึง 20
ชั่วโมง ถ้าอุณหภูมิของเซลล์สูงกว่า 45
องศาc ในระหว่างที่กำลังอัด ให้หยุดการอัดลงสักครู่
แล้วลดกระแสร์ไฟที่ใช้อัดลงให้เหลือเพียงครึ่งเดียว
ถ้าระดับของน้ำยาลดลงในระหว่างที่อัด ให้เติมด้วยน้ำกลั่น
เพื่อนำระดับขึ้นมาให้ถึงเส้นบน
5.การอัดให้เต็ม
ในการอัดระยะสุดท้าย จัดให้ได้ความถ่วงจำเพาะระหว่าง 1.250 และ 1.270
ที่อุณหภูมิ 20 องศาc
แล้วอัดต่อไปอีก 2-3 ชั่วโมง หลังจากที่อัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ให้ล้างแบตเตอรี่ด้วยน้ำสะอาดแล้วมำให้แห้งเสีย
6.การใช้
1.ก่อนใช้ ดึงเอาแทปที่ใช้ปิดรูฝา
แล้วเปิดท่อสำหรับให้น้ำยาล้นออกได้
2.อย่างลืมต่อท่อปลาสติกสำหรับน้ำยาล้นออก
เข้ากับแบตเตอรี่ เมื่อติดตั้งแบตเตอรี่เข้ากับรถจักรยานยนต์
การเป็นสนิม (Snlphation)
ถ้าไฟไหลออกจากแบตเตอรี่มากเกินไป
จะทำให้เกิดการเป็นสนิมขึ้น และมีผมขาว ๆ เกิดขึ้นที่ชั้วบวก ทิ้งไว้นาน ๆ
ก็จำทำให้มีผงขาวตกตะกอนที่ก้อนของเซลล์ ถ้าเกิดมีการเป็นสนิมขึ้น
ให้เปิดฝาหม้อแบตเตอรี่ออก ถ่ายน้ำกรดเก่าออกให้หมด ล้างให้สะอาดด้วยน้ำหลาย ๆ
ครั้ง จะกระทั่งผมขาว ๆ หมดไป แล้วจึงเติมน้ำยาเข้าไปใหม่แล้วอัดไฟให้เต็ม
ไฮโดรมิเตอร์
ใช้วัดความถ่วงจำเพาะของน้ำกรด
ระบบการอัดไฟประกอบด้วยไดนาโมไฟสลับ
และเครื่องแปลงไฟกระแสร์ไฟสลับที่ได้จากไดนาโมนั้นเปลี่ยนเป็นไฟตรงสำหรับใช้อัดแบตเตอรี่
ก. ไดนาโมไฟสลับ
มีแมกนีโตถาวร 6 ขั้ว
ติดเข้ากับที่ปลายเพลาข้อเหวี่ยง และหมุนอยู่กลางตัว stator มีขดลวดพัน 6 ตัว
ไดนาโมนั้นเป็นแบบที่ออกมาเป็นพิเศษ เพื่อควบคุมกระแสร์ไฟที่ส่งออกโดยอัตโนมัติ
กระแสร์ไฟที่ไหลออกนั้น ไม่เป็นอัตราส่วนโดยตรงกับจำนวนรวมของเครื่อง
ดังนั้นจึงไม่ร้องใช้เครื่องควบคุมกำลังโวลต์ของไฟที่ได้ ( รูป 3-3)
เมื่อเปิดไฟขึ้น
จะทำให้ได้ใช้คอยล์ทุกตัว
แต่สำหรับเมื่อเครื่องเดินในเวลาทำงานแล้วใช้คอยล์เฉพาะบางตัวเท่านั้น
1.การถอดประกอบ
ตัดสายไฟออกและถอดฝาครอบอ่างข้อเหวี่ยงข้างขวาและฝาครอบบังโซ่
ขันสกรูที่ยึดไดนาโมออก แล้วจึงถอดสกรูที่ยึดสายไฟไว้กับอ่างข้อเหวี่ยง
ปลดสายที่ขั้วของสวิทซ์ไฟเกียร์ว่าง (nentral switch) แล้วจึงถอดเครื่องเลื่อนเวลาจุดระเบิด (spark advancer) และใช้เครื่องดึงตัวหมุนของไดนาโมออกมา
อาจประกอบไดนาโมคืนได้โดยการปฏิบัติกลับตามลำดับข้างบนนั้น
2.การตรวจและซ่อมแซม
1.ใช้เครื่องมือสำหรับทดสอบ (service tester) หรือแอมมีเตอร์ เพื่อวัดหากระแสร์ไฟที่ส่งออกจากไดนาโม
วัดกระแสร์ไฟที่ได้จากเครื่องปั่นไฟเมื่อเครื่องเดินด้วยความเร็วต่างกัน 3 ค่ากระแสร์ไฟปกติดสำหรับใช้อัดแบตเตอรรี่ขนาด 6-8 โวลต์นั้น
ใช้ไว้ในตารางข้างบ้างและไดนาโมควรจะให้กระแสร์ไฟสำหรับอัดอยู่ใจระหว่าง + 0.2
แอมแปร์ ต่อค่าความเร็วหนึ่งรอบต่อนาที่ (each rpm) ที่อ่านได้
ความเร็วของรถถ้าอยู่ในเกียร์สูงสุด
30 กม/ชม.
50 กม/ชม
จำนวนรอบต่อนาทีของเพลาข้อเหวี่ยง 1,000 2,200 3,700
กระแสร์ไฟที่ได้(เวลากลางวัน) +1.0 +4.5 +6.5
กระแสร์ไฟที่ได้(เวลากลางคืน) -3.0
-1.0 +2.3
2.เมื่อกำลังแม่เหล็กของตัวหมุนอ่อนลง
ให้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้ชำนาญพิเศษเป็นผู้เพิ่มกำลังแม่เหล็กขึ้นมาใหม่
ข.เครื่องแปลงไฟ (Selenium Rectifier)
เครื่องแปลงไฟนั้นใช้เปลี่ยนกระแสร์ไฟสลับ
ซึ่งได้จากการเหนี่ยวนำในไดนาโมให้เป็นกระแสร์ไฟตรงใช้สำหรับอัดแบตเตอรี่ เครื่องกลับไฟนั้นประกอบด้วยแผ่นเซเลเนียม
มีขนาด 850 มม. และใช้แปลงไฟเต็มที่ (full wave rectification) เพื่อกันไม่ให้เกิดการต่อเข้ากับสายไฟหรือสายอื่น
ๆ รอบ ๆ ขอบของแผ่นต่าง ๆ นั้นมียางหุ้มอยู่
1.การถอด
เครื่องแปลงไฟนั้นติดอยู่ด้วยน๊อต 1 ตัวไปทางซ้ายของตัวถัง
อยู่ใต้ตอนกลางของถังน้ำมัน อาจถอดออกได้โดยใช้กุญแจขันน๊อตด้ามยาวขัน
ถอดคาร์บูเรเตอร์ออกก่อนแล้วจึงถอดเครื่องกลับไฟจากช่องที่หลังคาร์บูเรเตอร์
ปลดสายจากขั้วของเครื่องแปลงไฟโดยใช้ไขควง
2.การติดตั้ง
ต่อสายเข้าที่ขั้งของเครื่องกลับไฟตามสีของสาย
ระวังอย่าให้ยุ่งกับสายไฟหรือสายอื่น ๆ และไม่ควรใช้ฉนวนในการติดตั้ง
เพราะเครื่องแปลงไฟนั้นใช้ต่อลงดินเข้ากับตัวถังที่ติดตั้ง เครื่องแปลงไฟจะมีการไหม้ไป
ถ้าไท่เกิดการลัดวงจรขั้นที่ผ่านตัวเครืองแปลงไฟ
3-3 ระบบจุดระเบิด (IGNITION SYSTEM)
ระบบการจุดระเบิดนั้นออกแบบมาให้ส่งประจุไฟแรงสูงถึง
15,000 ถึง 20,000 โวลต์
ไปยังหัวเทียนแต่ละตัวตามจังหวะเวลาที่พอดีที่จะจุดระเบิดส่วนผสมของอากาศและไอน้ำมัน
ซึ่งอัดอยู่ในลูกสุบ ระบบการจุดระเบิดประกอบด้วยส่วนประกอบ 7 ส่วน ซึ่งได้แก่ สวิทซ์ไฟติดเครื่อง
คอยล์สำหรับจุดระเบิด(ignition
coil) จานจ่ายไฟ(distributor) ทองขาว(breaker points) คอนเดนเซอร์ หัวเทียนและแบตเตอรี่
สำหรับเครื่องที่มีเบอร์สูงกว่า
C92E-937065 หรือ C95-915183 ไม่มีจานจ่ายไฟ ในเครื่องเหล่านี้มีระบบการจุดระเบิดพร้อมกัน (Simnltaneouns ipnition system) คือทำให้หัวเทียนทั้งสองจุดพร้อมกัน
คือแต่ละไซเกิลหัวเทียนแต่ละหัวก็จะจุดระเบิด
ก.คอยล์สำหรับจุดระเบิด
(IGNITION COIL)
จากเครื่องที่มีเบอร์ประจำเครื่องเหมือนกันนั้น
คอยล์สำหรับจุดระเบิดนั้นตั้งอยู่ภายในของตัวถังแทนที่จะอยู่ข้างซ้ายของอ่างข้อเหวี่ยง
คอยล์สำหรับจุดระเบิดนี้เป็นส่วนประกอบสำคัญต่อการทำงานของเครื่อง
1.การเปลี่ยนคอยล์จุดระเบิด
ถอดฝาครองอ่างข้อเหวียงขวา และฝาครอบบังโซ่ ถอดสกรูยึดคอยล์ออก ถอดสายไฟเอก(primary wire) และสายไฟโท(secondary wire) จากขั้วที่ฝาของจากจ่ายไฟ แล้วจึงถอดฝาของจานจ่ายไฟออก
ถอดฝาครอบที่เก็บแบตเตอรี่กับแบตเตอรี่ออก
ถอดถาดรองเครื่องมือซึ่งติดอยู่กับเครื่องกรองอากาศออก คลายน๊อตยึดคอยล์จากภายใจของตัวถังออก
ถอดขั้วสายเอก และฝาครอบหัวเทียนจากสายโท (สำหรับเครือ่งแบบจุดระเบิดพร้อมกัน)
ประสิทธิภาพของคอยล์ที่ใช้ในเครื่องแบบมีหม้อจ่ายไฟและเครื่องแบบไม่มีหม้อจ่ายไฟนั้นเหมือนกัน
ดังนั้นคอยล์จึงใช้แทนกันได้ ในกรณีนี้ควรติดฝาครอบหม้อจ่ายไฟเข้ารับฝาครอบข้างหัวสูบ
เพื่อป้องกันฝุ่นและสายโทก็ต่อไปยังหัวเทียนได้โดยตรง
การทดสอบคอยล์
1.ทดสอบดูกำลังแรง
ของแนะนำให้ใช้เครื่องทดสอบแบบมีเข็มเป็นขั้ว 3
เข็ม สำหรับทดสอบกำลังของไฟที่ส่องออกจากคอยล์ (รูป3-10) หรืออาจใช้เครื่องทดสอบก็ได้ ต่อสาย+ของเครืองทดสอบไปยังสายโท และต่อสายดิน- เข้ากับตัวถัง ต่อหัวเทียนเข้ากับอีกปลายหนึ่งของสายโท หมุนเพลาข้อเหวี่ยงโดยการใช้มอเตอร์สำหรับสตาร์ท
วัดระยะกระโดดของไฟสปาร์คระหว่างขั้วใหญ่ทั้งสองขั้ว
ซึ่งอาจหาได้โดยการเลื่อนระยะระหว่างเข็มออกไปจนกระทั่งไม่มีไฟสปาร์คกระโดยข้ามช่องนั้น
ระยะที่วัดได้ไม่ควรต่ำกว่า 8 มม.
เมื่อเครื่องเดินด้วยความเร็วระหว่าง 300
ถึง 3,000 รอบต่อนาที
2.การทดสอบการนำไฟฟ้า (Conduction test)
การทดสอบการไฟฟ้านี้ก็เพื่อหาดูว่ามีสายขาดหรือเกิดการลัดวงจรขึ้นในคอยล์หรือเปล่า
ใช้เครื่องทดสอบโดยการต่อสายหนึ่งไปยังขั้วของคอยล์และอีกสายหนึ่งไปลงดิน
หรือเข้ากับแกนกลางของคอยล์ อาจใช้เครื่องมือทดสอบ
การทดสอบเมื่อต่อลงดินควรจะแสดงว่าไม่มีความต้านทานภายในคอยล์
และการสอบเมื่อต่อเข้ากับแกนกลางควรจะแสดงว่าวงจรนั้นเปิดอยู่
ถ้าหากผลการทดสอบไม่เป็นไปตามนี้ให้เปลี่ยนคอยล์เสีย
ข.ทองขาว (Breaker points)
ทองขาวนั้นติดอยู่ทางปลายด้านซ้ายของเพลาข้อเหวี่ยง
ตรงที่ซึ่งมีฝาครอบทางขาวติดอยู่ คอนเดนเซอร์ติดอยู่ทางซ้ายของอ่างข้อเหวี่ยง
1.การเปลี่ยนทองขาว
ถอดฝาครอบทองขาวจากฝาครอบอ่างข้อเหวี่ยงข้างซ้าย
แล้วไขสกรูที่ยึดก้านและปุ่มทองขาวออก หลังจากที่เปลี่ยนทองขาวแล้วให้ตั้งไฟใหม่ให้ถูกต้อง
2.การซ่อมทองขาว
ตรวจดูปุ่มทองขาวเพื่อหาดูรอยเขม่า รอยขรุขระ และรอยไหม้
ถ้าทีคราบน้ำมันอยู่ที่ปลายปุ่มทองขาวจะทำห้เครื่องเดินไม่เต็มที่
ดังนั้นจึงให้เช็ดปลายปุ่มทองขาวเสียให้สะอาดด้วยผ้าแห้ง
ถ้าปุ่มทองขาวมีรูขรุขระมากเกินไปจนฝนให้เรียบด้วยตะไบไม่ได้ ให้เปลี่ยนทองขาวเสีย
ค.เครื่องเลื่อนระยะเวลาจุดระเบิด
(Spark Advancer)
เครื่องเลื่อนระยะเวลาจุดระเบิดนี้ติดอยู่กับหัวหมุนของไดนาโม
อยู่ข้างหลังแผ่นฐานของทองขาว ใช้สำหรับควบคุมระยะเวลาการจุดระเบิดที่ความเร็วสูง
เครื่องเลื่อนระยะนี้จะอยู่ที่ 5 องศา
ก่อนถึงศูนย์ตายล่าง(BTDC) ที่ความเร็วเครื่อง 900-1,200 รอบ ต่อนาที แล้วเลื่อนขึ้นถึง 45 องศา ก่อนถึงศูนย์ตายล่าง
เมื่อเครื่องเดินด้วยความเร็ว 2,300-2,700 รอบต่อนาที
มุมที่เลื่อนและตำแหน่งที่เลื่อน
โดยสัมพันธ์กับความเร็วเครื่องเป็นจำนวนรอบต่อนาทีอาจวัดได้โดยใช้เครื่องทดสอบ (Service tester) ถ้าหาค่ามุมที่เลื่อนไม่คงที่ที่ความเร็วใด ๆ
ก็ตาม หรือน้อยหรือมากกว่าที่ให้ไว้ข้างต้น ให้เปลี่ยนเครื่องเลื่อนระยะเวลาจุดระเบิดเสีย
การเปลี่ยนเครื่องเลื่อนระยะเวลาการจุดระเบิด
ถอดฝาครอบทองขาว และแผ่นฐานของทองขาว
ตรวจดูว่าสปริงอยู่ในสภาพดีและทีเพลาของลูกเบี้ยวบังคับปุ่ม (point cam) มีจาระบีมาไว้อย่างพอเพียง
ง.คอนเด็นเซอร์
คอนเดอนเซอร์นั้น ใช้ปุ่มทองขาวเพื่อรับเอากระแสร์ที่มากเกินไปไว้
และช่วยให้ทองขาวทำงานได้ถูกต้อง ขนาดของประจุคือ 0.2 ไม่โครฟารัด
คอนเดนเซอร์ที่เสียนั้นบางคราวอาจรู้ได้จากการที่ทองขาวไหม้มาก
ไฟสปาร์คอ่อนหรือติดเครื่องยาก ใช้เครื่องทดสอบวัดหาความต้านทานของฉนวนระหว่างขั้วและกระบอกที่หุ้มอยู่
แล้วเทียบค่ากับค่าต่อไปนี้
สูงกว่า 50 ล้านโอห์ม--------ดี
50 – 10 ล้านโอห์ม-------ค่อนข้างดี---ควรเปลี่ยนใหม่
ต่ำกว่า 10 ล้านโอห์ม------เสีย-----------ควรเปลี่ยนใหม่
ขั้วของตัวคอนเดนเซอร์จะต้องขันเข้ากับวงจรเอกของทองขาว (breaker point hrimary circuit) ให้แน่น
จ.จานจ่ายไฟ (Distrivutor)
หม้อจ่ายไฟทำหน้าทีจ่ายกระแสร์ไฟแรงสูงไปยังหัวเทียน
ตัวหมุ่นซึ่งอยู่ภายใจฝาครอบ
ทำหน้าที่ส่งกระแสร์ไฟต่อไปยังสายซึ่งต่อไปที่หัวเทียนต่าง ๆ
การเปลี่ยนฝาครอบจานจ่ายไฟหรือตัวหมุน
ภายในของฝาครอบจานจ่ายไฟและตัวหมุนนั้นจะต้องรักษาไว้ให้สะอาดอยู่เสมอ
ถ้ามีรอยร้ายหรือมีผงคาร์บอนติดอยู่บนขั้วให้เปลี่ยนเสีย
ตัวหมุนที่มีแผ่นสัมผัส (contact
plates)
และขั้วแกนกลางสึกมากต้องเปลี่ยนเสียใหม่ วิธีการเปลี่ยนฝาครอบจานจ่ายไฟ
ปลดสายรัดออกแล้วถอดสกรูที่ยึดสายไฟแรงสูงออก